โครงการประชุมเชิงปฏิบัติการเภสัชกรรม ครั้งที่ 23 ประจำปีงบประมาณ 2559 เรื่อง การประเมินผลเพื่อการพัฒนาทางเภสัชกรรม (Developmental Evaluation in Pharmacy Practice)
ชื่อการประชุม |
|
โครงการประชุมเชิงปฏิบัติการเภสัชกรรม ครั้งที่ 23 ประจำปีงบประมาณ 2559 เรื่อง การประเมินผลเพื่อการพัฒนาทางเภสัชกรรม (Developmental Evaluation in Pharmacy Practice) |
สถาบันหลัก |
|
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ |
รหัสกิจกรรม |
|
1004-2-000-025-08-2559 |
สถานที่จัดการประชุม |
|
ณ สามพราน ริเวอร์ไซด์ จังหวัดนครปฐม |
วันที่จัดการประชุม |
|
01 -03 ส.ค. 2559 |
ผู้จัดการประชุม |
|
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ |
กลุ่มเป้าหมาย |
|
- เภสัชกรโรงพยาบาล/ผู้เกี่ยวข้อง/ผู้สนใจ และคณาจารย์เภสัชศาสตร์ จำนวน 150 คน - คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ภาควิชาบริหารเภสัชกิจ จำนวน 10 คน |
หน่วยกิตการศึกษาต่อเนื่อง |
|
24.25 หน่วยกิต |
หลักการและเหตุผล
ระบบสุขภาพ คือ ระบบความสัมพันธ์ทั้งมวลที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ มีขอบเขตและความหมายที่กว้าง
มีเหตุและปัจจัยต่างๆ ที่กระทบมากมาย ทั้งปัจจัยด้านบุคคล สิ่งแวดล้อม สังคม รวมถึงระบบบริการสุขภาพ
ทำให้ในยุคปัจจุบันเมื่อกล่าวถึงความหมายของคำว่า “สุขภาพ” จึงมีกระบวนทัศน์ที่มีความหมายกว้างและ
ครอบคลุมถึงสุขภาพในหลายมิติ ทั้งร่างกาย จิต สังคม และจิตวิญญาณ ไม่ใช่เพียงการปราศจากโรคและ
การเจ็บป่วยเท่านั้น
ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของ
โครงสร้างประชากรที่สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ในขณะที่ประชากรวัยเด็ก
และวัยทำงานกลับมีจำนวนลดลง ความไม่สมดุลของโครงสร้างประชากรนี้ส่งผลกระทบต่อระบบสุขภาพ
โดยรวม โดยเฉพาะปัญหาค่าใช้จ่ายทางสุขภาพที่มีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้น อันเนื่องมาจากปัญหาโรคไม่ติดต่อ
เรื้อรัง เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง นอกจากนี้ผู้สูงอายุยังมีแนวโน้มที่จะมีโรคภัย
ไข้เจ็บมากกว่าหนึ่งชนิด ส่งผลให้ต้องรับประทานยาจำนวนมาก นำไปสู่ความเสี่ยงด้านยา เช่น การเกิดอาการ
2
ไม่พึงประสงค์จากยา ปัญหาในการรับประทานยา รวมถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการตีกันของยาบางชนิด
เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อตัวผู้ป่วยและการดำเนินไปของโรคในอนาคต นอกจากนี้ยังมีปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม
ภาวะโลกร้อน การใช้สารเคมีมากขึ้น ภัยธรรมชาติที่รุนแรงและบ่อยครั้งขึ้น ปัจจัยทางสังคมและวัฒนธรรม
วิถีชีวิตที่รีบเร่ง พฤติกรรมเสี่ยงต่อโรค เช่น การบริโภคบุหรี่ พฤติกรรมบริโภคนิยม ช่องว่างทางสังคมที่มาก
ขึ้น ระบาดวิทยาการเกิดโรค เช่น โรคอุบัติใหม่ ความก้าวหน้าในเชิงธุรกิจ เช่น ธุรกิจการท่องเที่ยว ธุรกิจยา
ข้ามชาติ มีการสื่อสารและคมนาคมที่รวดเร็ว การเปิดพรมแดน มีการเคลื่อนย้ายประชากรอย่างอิสระ อาจทำ
ให้เกิดการแพร่กระจายของโรคระบาดได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นระหว่างประเทศ รวมถึงปัจจัยเชิงนโยบาย
การปรับเปลี่ยนโครงสร้างขององค์กรทางสุขภาพ และการขับเคลื่อนร่างพระราชบัญญัติยาฉบับใหม่ สิ่งต่าง ๆ
เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ และสถานะสุขภาพของคนไทย
ทำให้สภาพปัญหาทางสุขภาพและปัจจัยกำหนดสุขภาวะ มีความซับซ้อนกว่าในอดีตมาก
ความสลับซับซ้อนของระบบสุขภาพ ทำให้ปัจจัยที่มีผลต่อระบบสุขภาพมีหลายมิติ อาทิ ความเกี่ยว
โยงกันของปัจจัยทางระบาดวิทยา ปัจจัยเชิงปัจเจกบุคคล ปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และ
สิ่งแวดล้อม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรม ความเชื่อและทัศนคติ ปัจจัยทั้งหมดนี้ส่งผลให้กระบวนทัศน์
ความคิดแบบเดิม ที่มองปัญหาแบบเหตุเดี่ยวผลเดี่ยว จัดการแบบกลไก แยกส่วน และลดทอน จำเป็นต้อง
เปลี่ยนมาเป็นการคิดเชิงระบบในแบบบูรณาการหรือองค์รวม การทำความเข้าใจปรากฏการณ์ทางสุขภาพที่
เกิดขึ้นนี้ต้องอาศัยฐานความคิดเรื่องธรรมชาติของความซับซ้อน เพื่อให้เห็นแนวทางของการวิเคราะห์และ
เข้าใจการเกิดวิกฤติการณ์อย่างเป็นรูปธรรม ปรับเปลี่ยนการจัดการตนเอง และสรรพสิ่งให้ถูกต้อง เหมาะสม
มีสมดุล จนกระทั่งสามารถสร้างแผนงาน โครงการพัฒนาที่เป็นประโยชน์ แก้ปัญหาได้จริง และส่งผลดีต่อ
ผู้ป่วย ชุมชน และสังคม และระบบสุขภาพโดยรวมของประเทศ
การมองปัญหาในระบบสุขภาพไม่รอบด้านนั้น จะส่งผลให้ทิศทางการแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างไม่ตรง
จุด แต่การปรับกระบวนทัศน์ความคิดให้มองปัญหาอย่างรอบด้านและลึกซึ้ง จะนำไปสู่แนวคิดในการปรับ
กระบวนการทำงานปัจจุบัน ปรับลักษณะโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และปรับวิธีในการจัดการกับปัญหาที่
ลงลึกไปถึงการจัดการกับจุดคาดงัดของปัญหาได้ ตัวอย่างเช่น การจัดการปัญหาโรคความดันโลหิตสูง การให้
ความรู้ผู้ป่วยเพียงอย่างเดียว อาจไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ได้ผลเสมอไป หากต้นตอของปัญหานั้นอยู่ลึกเกินกว่าที่
เราจะมองเห็น และเมื่อต้องการจัดโครงการเรื่องโภชนาการสำหรับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง เราอาจนึกถึง
การให้ความรู้เกี่ยวกับปริมาณโซเดียมที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน วิธีการปรุงอาหารที่ถูกต้อง และการ
รับประทานยาอย่างสมํ่าเสมอ ซึ่งผลของโครงการมักได้รับผลดีในระยะสั้น เกิดประโยชน์เฉพาะผู้ที่ยังขาด
ความรู้ในประเด็นนี้ แต่ในระยะยาวโครงการอาจไม่ได้ผล เนื่องจากละเลยสาเหตุอื่นที่ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถ
ควบคุมอาหารได้ เช่น ปัจจัยส่วนบุคคล สภาพครอบครัว วิถีชีวิตที่รีบเร่ง การใช้ชีวิตในชุมชนเมือง พฤติกรรม
บริโภคนิยม อาหารสุขภาพมีทางเลือกน้อยและมีราคาแพง เป็นต้น
เภสัชกรเป็นวิชาชีพหนึ่งในทีมบุคลาการทางสุขภาพ มีบทบาทในการดูแลสุขภาพของผู้ป่วย ซึ่งมิได้
จำกัดเพียงแค่บทบาทการจ่ายยาและให้คำปรึกษาเท่านั้น แต่หมายรวมถึงการค้นหา ป้องกัน และแก้ไขปัญหา
ที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้ยา และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมร่วมกับผู้ประกอบวิชาชีพด้านการแพทย์และ
3
สาธารณสุขอื่นๆ เภสัชกรยังเป็นวิชาชีพหนึ่งที่มีความใกล้ชิดกับผู้ป่วยและชุมชน เนื่องจากเป็นด่านแรกที่ผู้ป่วย
จะเข้าถึงได้ผ่านการมารับบริการท่รี ้านขายยา และโรงพยาบาล ทั้งยังเป็นกำลังสำคัญของระบบสุขภาพในการ
จัดการ แก้ไข และป้องกันปัญหาทางสุขภาพของประชาชน ดังนั้นการพัฒนาเภสัชกรให้มีฐานความคิด
ความเข้าใจ ผู้ป่วย ชุมชน และสังคมในความสลับซับซ้อนของเหตุปัจจัยและระบบสุขภาพ จึงมีส่วนช่วยเสริม
ประสิทธิภาพงานเภสัชกรรม และเสริมสร้างระบบสุขภาพที่เข้มแข็ง ยั่งยืน และพึ่งพิงตนเองได้ อันจะทำให้
เกิดผลดีต่อประเทศชาติในอนาคต
นอกจากการส่งเสริมให้เภสัชกรพัฒนาโครงการการให้บริการด้านเภสัชกรรมหรือการดูแลส่งเสริม
สุขภาพบนฐานแนวคิดเรื่องความสลับซับซ้อนของเหตุปัจจัยและระบบสุขภาพแล้ว การประเมินผลการ
ดำเนินงานก็เป็นอีกหนึ่งกระบวนการที่มีความสำคัญในการสะท้อนสถานการณ์ความสำเร็จหรือความล้มเหลว
และพลวัตของปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นในโครงการต่างๆ ทั้งยังเป็นเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญในวงจรคุณภาพ
เพื่อเป็นข้อมูลกลับมายังทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องนำไปใช้พัฒนาการดำเนินงาน และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่
และมองหาโอกาสในการพัฒนางานในครั้งต่อไป
กระบวนการประเมินผลควรเป็นกลไกส่งเสริมให้มีการพัฒนางานและคนทำงาน การประเมินผลที่ดี
ควรจะมุ่งสนใจกระบวนการทำงานมากกว่าผลผลิตหรือผลลัพธ์ ค้นหาช่องว่างการพัฒนาและค้นหาแนวทาง
ปฏิบัติที่ดี มุ่งสนใจการรับฟังสุข ทุกข์ เรื่องราวความสำเร็จ มากกว่าตัดสิน วัดค่า ชี้ถูกชี้ผิด และต้องมี
กระบวนการติดตามประเมินผลที่เป็นกลไกภายในของทุกระดับบนฐานการมีส่วนร่วม มีการการเรียนรู้และ
เกิดการพัฒนาของทุกฝ่ายทั้งทีมประเมินและคนทำงาน รวมถึงการใช้ความแตกต่างหลากหลายเป็นจุดแข็ง
กำหนดให้การประเมินเป็นศิลปะขั้นสูงสุดสู่สามัญ คือ “การเปลี่ยนความธรรมดา ความคุ้นเคย เป็นข้อมูล
ข้อมูลเป็นความรู้ จากความรู้ไปสู่การแก้ปัญหาและความทุกข์”
นอกจากนี้กระบวนการประเมินผลควรเป็นเครื่องมือในการพัฒนางานและคนทำงาน มากกว่าการวัด
ปริมาณของสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการดำเนินงาน มากกว่าการแสดงความสัมพันธ์ของผลลัพธ์สุดท้ายกับ
กิจกรรม มากกว่าการตัดสินถูกผิดผ่านตก การสนใจเพียงผลลัพธ์เชิงปริมาณ การตัดสินโทษ หรือถูกผิด
กำลังเป็นวิกฤติของการประเมินผลกระแสหลัก การประเมินควรเป็นกระบวนการทบทวนตรวจสอบตำแหน่ง
แห่งที่ของผลงานในปัจจุบัน แล้วสะท้อนย้อนคิดถึงเป้าหมายที่แท้จริงของงานทั้งนี้เพื่อกำหนดแนวทางการ
ดำเนินงานต่อในอนาคต การได้มาซึ่งข้อมูลที่แท้จริงจากการประเมินเป็นความจำเป็นพื้นฐานในการกำหนด
ทิศทางการพัฒนางานที่ถูกต้อง ความสามารถในการคลี่ความซับซ้อนของเหตุปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเข้าใจความเชื่อมโยงจนมองเห็นช่องว่างในการพัฒนา การมีส่วนร่วมในการมองต่างมุม ตั้งคำถามเพื่อ
ชวนคิด ทั้งจากเรื่องราวของความสำเร็จและบทเรียนของความล้มเหลว รวมถึงความสัมพันธ์ฉันมิตรตั้งแต่
เริ่มต้นจนตลอดเส้นทางการดำเนินงาน ทั้งหมดนี้เป็นหัวใจสำคัญของการประเมินเพื่อการพัฒนา
(Developmental evaluation - DE) ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาการดำเนินงานโครงการพัฒนาสุขภาพและ
งานบริการด้านเภสัชกรรมต่อไปในอนาคต
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้เภสัชกรผู้เข้าร่วมประชุมเข้าใจถึงวิกฤติระบบสุขภาพ วิกฤติการพัฒนา และวิกฤติการ
ประเมินผลกระแสหลัก และสามารถมองวิกฤติของการพัฒนาผ่านแนวคิด ความซับซ้อน
(Complexity)
2. เพื่อให้เภสัชกรผู้เข้าร่วมประชุมเข้าใจการประเมินเพื่อการพัฒนา (Developmental Evaluation)
ในประเด็นของปรัชญา แนวคิด และกระบวนการ
3. เพื่อให้เภสัชกรผู้เข้าร่วมประชุมเข้าใจและสามารถนำเครื่องมือและทักษะในการประเมินมาใชเ้ พื่อ
การพัฒนาได้
4. เพื่อให้เภสัชกรสามารถนำความรู้ด้านการประเมินเพ่อื การพัฒนาไปต่อยอดในการพัฒนางาน
เภสัชกรรม และขยายบทบาทการบริการให้มีคุณภาพที่สูงขึ้นและตรงกับความต้องการของ
ผู้รับบริการได้
คำสำคัญ
ระบบสุขภาพ /ความซับซ้อน (Complexity) /โครงการพัฒนาสุขภาพ วิกฤติการพัฒนา/ วิกฤติการประเมินผลกระแสหลัก /การประเมินเพื่อการพัฒนา
วิธีสมัครการประชุม
สามารถติดต่อได้ที่หมายเลข 081-5404036