ปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากขึ้น ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลออนไลน์ได้ง่าย สื่อออนไลน์จึงถูกนำไปใช้ประโยชน์ในธุรกิจหลายประเภท เนื่องจากใช้งบประมาณน้อย ไม่สิ้นเปลืองและสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพรวมถึงธุรกิจด้านยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เช่น การโฆษณาและขายยาออนไลน์เป็นต้น อย่างไรก็ตามการใช้สื่อฯ ในทางที่ผิดมีความเสี่ยงสูง ผู้บริโภคจึงต้องมีความระมัดระวัง เนื่องจากอาจได้รับผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ยา อาหาร เครื่องสำอาง ที่มักได้รับข้อร้องเรียน เช่น ใช้แล้วไม่เห็นผล เสียเงินโดยไม่คุ้มค่า ได้รับอันตรายจากสินค้าและโฆษณาหลอกลวง เป็นต้น การขายยาออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ตถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 ซึ่งมีข้อกำหนดชัดเจนเกี่ยวกับสถานที่ขายยา โดยผู้รับอนุญาตต้องจำหน่ายยาในสถานที่ที่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 19 เนื่องจากยาไม่ใช่สินค้าทั่วไป การซื้อยาจึงต้องได้รับคำแนะนำจากผู้ปฏิบัติงานวิชาชีพอย่างถูกต้อง การขายยา ผ่านอินเทอร์เน็ตจึงเป็นการขายนอกสถานที่ที่ได้รับอนุญาต ยกเว้นยาสามัญประจำบ้านที่สามารถขายได้ในร้านค้าทั่วไปโดยไม่ต้องขออนุญาต การขายยาผ่านทางอินเทอร์เน็ตผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท และอาจจะมีความผิดฐานโฆษณาด้วย ส่วนเครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแม้ว่ายังไม่มีกฎหมายห้ามขายผ่านอินเทอร์เน็ตแต่ผู้บริโภคควรใช้ความระมัดระวังในการเลือกซื้อเนื่องจากมักพบการโฆษณาโอ้อวดเกินจริง อาทิเช่น การแสดงฉลากไม่ถูกต้อง หรือการเติมสารปลอมปน ดังนั้นผู้ประกอบการร้านยาและผู้บริโภคควรร่วมมือกันไม่สนับสนุนการกระทำที่ผิดกฎหมายและไม่สนับสนุนการขายผลิตภัณฑ์สุขภาพออนไลน์ซึ่งอาจเป็นอันตรายและเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค นโยบายเรื่องการใช้ยาอย่างสมเหตุผลเป็นนโยบายสุขภาพที่สำคัญระดับประเทศภายใต้แนวทางขององค์การอนามัยโลกได้ให้คำจำกัดความ “การใช้ยาอย่างสมเหตุผล” หมายถึงการที่ผู้ป่วยได้รับยาที่เหมาะสมกับปัญหาสุขภาพ โดยใช้ยาในปริมาณและระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย ในส่วนของการดำเนินงาน “จังหวัดใช้ยาอย่างสมเหตุผล (RDU Province)” มีองค์ประกอบหลัก 3 ด้าน ได้แก่ (1) การพัฒนาโรงพยาบาล ทั้งภาครัฐและเอกชนให้มีการใช้ยาอย่างสมเหตุผล (RDU Hospital) (2) การพัฒนาสถานพยาบาลเอกชนและร้านยาให้มีการใช้ยาอย่างสมเหตุผล (RDU in Private Sectors) และ (3) การพัฒนาการใช้ยาอย่างสมเหตุผลในชุมชน (RDU Community) หลักการสำคัญในการดำเนินงานดังกล่าวคือการสร้างความร่วมมือที่ดีกับภาคเอกชน (Good Private Sector Involvement) เช่น คลินิก ร้านยา ร้านชำ และร้านขายผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างสถานพยาบาลและชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหาการใช้ยาที่ไม่ปลอดภัย สร้างความรอบรู้ด้านยาในชุมชน และพัฒนาเครือข่ายเฝ้าระวังการใช้ยาที่ครอบคลุมตั้งแต่โรงพยาบาลไปจนถึงชุมชน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการดำเนินงานส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผลด้านการพัฒนาสถานพยาบาลเอกชนและร้านยา รวมถึงการพัฒนาการใช้ยาอย่างสมเหตุผลในชุมชนตามแนวคิดของระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ คือการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างสถานพยาบาลกับชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหาการใช้ยาที่ไม่ปลอดภัยของประชาชนโดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ดังนั้นโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการร้านยาในจังหวัดเชียงรายจึงมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจและสร้างความตระหนักรู้แก่ผู้ประกอบการร้านยาและเภสัชกรในเรื่องการใช้ยาอย่างสมเหตุผล เสริมสร้างศักยภาพในการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับนโยบายกระทรวงสาธารณสุขรวมถึงสนับสนุนการพัฒนาชุมชนให้เป็นเครือข่ายความร่วมมือด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุผลในอนาคต

1. เพื่อพัฒนาความรู้ด้านการบริหารจัดการและการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ประกอบการร้านยา
2. เพื่อส่งเสริมความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ยาอย่างสมเหตุผลแก่ ผู้ประกอบการร้านยา และเภสัชกรประจำร้านยา
3. เพื่อส่งเสริมการให้บริการคำปรึกษาด้านยาและสุขภาพที่มีคุณภาพ
4. เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับบทบาทของร้านยาในการส่งเสริมสุขภาพประชาชน

ร้านขายยา, ร้านยาคุณภาพ, โรคในร้านขขายยา, การใช้ยาอย่างสมเหตุผล, กฎหมายยา, พรบ.ยา พ.ศ.2510

ออนไลน์ผ่าน google form