หลักการและเหตุผล
โรงพยาบาลบารุงราษฎร์ ดำเนินการเข้าสู่ปีที่ 42 ในปี 2565 นี้ และยังคงสานต่อปณิธานการก่อตั้งโรงพยาบาลฯ ที่ต้องการเป็นสถาบันทางการแพทย์ที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากลของคนไทย เพื่อให้การบริบาลและส่งมอบผลลัพธ์ทางการรักษาที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ให้กับผู้มารับบริการทุกคน โรงพยาบาลมุ่งมั่นพัฒนาการรักษาในระดับจตุตถภูมิ (Quaternary Care) รวมถึงการยกระดับศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ (Center of Excellence) มุ่งเน้นจุดแข็ง 3C1W ในด้านคุณภาพของการรักษา ได้แก่ Critical care, Complicated Care, Collaboration of Expertise, และ Wellness and prevention เพื่อพัฒนาความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคยากและโรคซับซ้อนได้อย่างครอบคลุมทุกโรค ซึ่งจาเป็นต้องใช้สหสาขาวิชาชีพ (multidisciplinary team) เข้ามาร่วมในการดูแลรักษาและมุ่งเน้นพัฒนาบุคลากรหลากหลายสาขา เพื่อทางานร่วมกันอย่างสอดประสานเป็นระบบและได้มาตรฐาน
เภสัชกรถือเป็นส่วนสาคัญของทีมรักษาในการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวมและมองผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ผ่านการให้การบริบาลทางเภสัชกรรม โดยมุ่งหวังให้ผู้ป่วยได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้ยาพร้อมทั้งความปลอดภัยสูงสุด เภสัชกรจึงจาเป็นต้องได้รับการฝึกอบรมความรู้เกี่ยวกับโรคทางอายุรศาสตร์ ทั้งหมายรวมถึงโรคเฉพาะทาง โรคที่มีความซับซ้อน และการบาบัดรักษาด้วยยาในเชิงลึก เพื่อให้มีองค์ความรู้ที่เป็นมาตรฐานสามารถนาไปใช้ในการร่วมดูแลวางแผนการใช้ยาอย่างเหมาะสมแก่ผู้ป่วยแต่ละราย
ฝ่ายเภสัชกรรมได้เล็งเห็นถึงความสาคัญการเตรียมความพร้อมของทีมเภสัชกรในการรองรับวิทยาการทางการแพทย์และการรักษาที่มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อันเป็นที่มาของการจัดอบรมหลักสูตร 2022 Integrated Pharmacotherapy : “The Passion Driven Care” โดยในปีนี้มุ่งเน้นการดูแลผู้ป่วยโรคซับซ้อนหรืออยู่ในภาวะซับซ้อน ได้แก่ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ (Organ transplantation), ผู้ป่วยภาวะวิกฤตที่มีภาวะติดเชื้อกระแสเลือด, เทคนิคการการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดอย่างปลอดภัย
วัตถุประสงค์
1.ผู้เรียนมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นฐานสภาวะต่างๆของผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ (Organ transplantation)และ บทบาทของเภสัชกรในการให้การบริบาลทางเภสัชกรรม
2.ผู้เรียนมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางที่ทันสมัยในการดูและผู้ป่วยวิกฤตที่มีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (sepsis) ภาวะช็อกจากพิษเหตุติดเชื้อ(septic shock) และให้การบริบาลทางเภสัชกรรมโดยการใช้ยาต้านจุลชีพอย่าง สมเหตุผล (antimicrobial stewardship)
3.ผู้เรียนมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคการการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดทั้งรูปแบบรับประทานและ รูปแบบยาฉีดอย่างปลอดภัยในผู้ป่วยที่อยู่ในสภาวะซับซ้อนหรือมีปัญหาระหว่างการใช้ยา และยกตัวอย่างกรณีศึกษา และการตัดสินใจที่เหมาะสมเพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา