ในปัจจุบันได้มีการนำสารสกัดจากกัญชามาใช้เพื่อเป็นยารักษาโรคเนื่องจากมีการสร้างองค์ความรู้ในหลายประเทศทั่วโลก จากการนำกัญชามาใช้ในทางการแพทย์และการวิจัยดังกล่าวทำให้มีการทราบถึงถึงประโยชน์และการอันไม่พึงประสงค์ของกัญชามากขึ้น ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ประเทศไทยได้มีพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ซึ่งจัด กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 แต่อนุญาตให้ใช้กัญชาเฉพาะในทางการแพทย์เพื่อการดูแลรักษาผู้ป่วยและการศึกษาวิจัย หลังจากนั้นได้มีกระแสข่าวในวงการสาธารณสุขและในหมู่ประชาชนถึงการนำกัญชามาใช้ในการรักษาโรคและควบคุมอาการต่างๆมากขึ้นในประเทศไทย ซึ่งมีข้อดีได้แก่ เป็นการเปิดโอกาสให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถใช้สารสกัดจากกัญชาในการรักษาโรคที่ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาที่ได้ผลดีนัก เช่น โรคลมชักที่รักษายาก และโรคลมชักที่ดื้อต่อยารักษา (intractable epilepsy) ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง (spasticity) ในผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (multiple sclerosis) และภาวะปวดประสาท (neuropathic pain) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีโรคหรือภาวะอื่นที่การใช้สารสกัดจากกัญชาร่วมในการรักษาอาจเป็นประโยชน์ต่อการควบคุมอาการของโรค เช่น โรคสะเก็ดเงิน เป็นต้น ในขณะเดียวกันได้มีรายงานอาการพิษและอาการอันไม่พึงประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับสารสกัดจากกัญชาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศไทยดังมีรายงานจากศูนย์พิษวิทยา โรงพยาบาลรามาธิบดีและศูนย์พิษวิทยาศิริราช
โรงพยาบาลศิริราชในฐานะโรงพยาบาลตติยภูมิและโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย มีผู้ป่วยโรคซับซ้อนจำนวนมากที่เข้าข่ายข้อบ่งชี้ของโรคที่เกิดประโยชน์และอาจเกิดประโยชน์จากการใช้สารสกัดจากกัญชาเพื่อการร่วมรักษา นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีผู้ป่วยที่จัดหาสารสกัดจากกัญชามาใช้ด้วยตนเอง ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวอาจนำไปสู่ผลอันไม่พึงประสงค์หรืออันตรกิริยากับยาอื่นๆที่ผู้ป่วยได้รับเพื่อการรักษาโรคอยู่แล้ว ด้วยเหตุดังกล่าวบุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับในโรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่ แพทย์ เภสัชกร และ พยาบาล จึงควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกัญชาและแคนนาบินอยด์เป็นอย่างดีเพื่อให้การบริบาลผู้ป่วยได้ผลดี มีความปลอดภัยและคุ้มค่า และทำการวิจัยเพื่อสร้างและต่อยอดองค์ความรู้ได้ ทางคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลจึงจัดหลักสูตรอบรม “กัญชาและแคนนาบินอยด์ทางการแพทย์” ขึ้นเพื่อให้ความรู้แก่บุคลากรทางการแพทย์ โดยการอบรมดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานของหลักวิชาการและข้อมูลเชิงประจักษ์ทางการแพทย์

1. ผู้ร่วมอบรมมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับระบบ Endocannabinoid และเภสัชวิทยาของกัญชาและแคนนาบินอยด์
2. ผู้ร่วมอบรมมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับพืชกัญชาและรูปแบบของผลิตภัณฑ์แคนนาบินอยด์ที่ใช้ทางการแพทย์
3. ผู้ร่วมอบรมมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแคนนาบินอยด์ที่ใช้ทางการแพทย์และการวิจัยทางการแพทย์
4. ผู้ร่วมอบรมมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการสั่งใช้และการจ่ายยาที่เป็นสารแคนนาบินอยด์รวมทั้งข้อบ่งชี้ของโรคและภาระโรคที่ได้ประโยชน์และน่าได้ประโยชน์
ในการควบคุมอาการจากแคนนาบินอยด์
5. ผู้ร่วมอบรมมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะพิษ ผลอันไม่พึงประสงค์ และอันตรกิริยาจากแคนนาบินอยด์และการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้อง
6. ผู้ร่วมอบรมมีความเข้าใจเกี่ยวกับ ความเสี่ยง แนวทางป้องกันและการประเมินการนำแคนนาบินอยด์ไปใช้ในทางที่ผิดและการเสพติด
7. แพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชกรที่ผ่านการอบรมและการทดสอบสามารถขอรับใบอนุญาตเป็นผู้สั่งใช้/จ่ายสารสกัดจากกัญชาในทางการแพทย์ได้ ทำให้สามารถ
ให้การบริบาลผู้ป่วยและทำการวิจัยทางคลินิกด้วยสารสกัดจากกัญชาทางการแพทย์ได้

อัตราค่าลงทะเบียน ท่านละ 2,500 บาท สงวนสิทธิ์ เฉพาะแพทย์ เภสัชกร ทันตแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ ที่มีใบประกอบโรคศิลป์ทางการแพทย์และการสาธารณสุข เท่านั้น (รับจำนวน 550 ท่าน) บุคลากรภายในฯ 300 ท่าน บุคลากรภายนอก 250 ท่าน ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ - 10 มกราคม 2563