ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องฯ จะส่ง sms และ email แจ้งเตือนสมาชิกผู้ที่มีหน่วยกิตไม่ครบเกณฑ์ ครั้งต่อไปในวันที่ 11 กรกฎาคม 2568

บทความวิชาการ
ผักพื้นบ้านสี่ชนิด เสริมภูมิคุ้มกัน และต้านจุลชีพ
ชื่อบทความ ผักพื้นบ้านสี่ชนิด เสริมภูมิคุ้มกัน และต้านจุลชีพ
ผู้เขียนบทความ ภญ.นริศา คำแก่น, ภญ.พิมพ์พิมล ตันสกุล, ภญ.ลลิตา วีระเสถียร, ภญ.พัชรวรรณ ตันอมาตยรัตน์
สถาบันหลัก ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องทางเภสัชศาสตร์
รหัสกิจกรรม 0001-1-000-002-05-2563
ผู้ผลิตบทความ วิทยาลัยเภสัชกรรมสมุนไพรแห่งประเทศไทย
การเผยแพร่บทความ ผู้ประกอบวิชาชีพทุกคน 
วันที่ได้รับการรับรอง 19 พ.ค. 2563
วันที่หมดอายุ 18 พ.ค. 2564
หน่วยกิตการศึกษาต่อเนื่อง 2.5 หน่วยกิต
บทคัดย่อ
ปกติร่างกายที่แข็งแรง มีภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ดี สามารถต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมที่ก่อให้เกิดอันตรายจากภายนอกได้ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส อนุมูลอิสระ และโปรโตซัว เป็นต้น ในการสร้างภูมิคุ้มกันแก่ร่างกายทำได้หลายวิธีร่วมกัน ตั้งแต่การพักผ่อนอย่างเพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ได้รับอากาศที่ดี ขจัดความเครียด และการกินอาหารที่ดี แต่เมื่อไรก็ตาม หากร่างกายได้รับแอนติเจน (antigen) โดยเฉพาะเชื้อโรคแบคทีเรีย และไวรัส ซึ่งเป็นสิ่งแปลกปลอมขนาดเล็กเข้าสู่ร่างกายแล้ว ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคมี 2 ชนิด คือ ชนิดที่ 1 ภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด หรือภูมิคุ้มกันแบบไม่จำเพาะ (innate immunity) และชนิดที่ 2 ระบบภูมิคุ้มกันแบบจำเพาะ (acquired immunity) โดยชนิดที่ 1 เป็นการป้องกันสิ่งแปลกปลอมด้วยสารเคมีหรือลักษณะกายวิภาคของร่างกาย เช่น น้ำลาย น้ำตา และผิวหนัง เป็นต้น ในขณะที่ชนิดที่ 2 เป็นการป้องกันร่างกายด้วยการสร้างสารแอนติบอดี (antibody) ที่ผลิตจากบีลิมโฟไซต์ (B lymphocyte) และสร้างสารสื่อในการกำจัดเชื้อโรคจากการกระตุ้นทีลิมโฟไซต์ (T lymphocyte) เช่น เซลล์เพชฌฆาต (natural killer cell; NK cell) แมโครฟาจ (macrophage) ซึ่งต่อต้านโรคแบบจำเพาะ [1] ในขณะที่สิ่งแปลกปลอมอื่น เช่น อนุมูลอิสระ (free radical) ซึ่งเป็นสารที่มีความเสถียรต่ำ สามารถทำปฏิกิริยากับสารชีวโมเลกุลในร่างกาย เช่น ไขมัน โปรตีน รวมถึงสารพันธุกรรมดีเอ็นเอในร่างกาย [2] สารอนุมูลอิสระนี้ถ้ามากเกินไปทำให้ร่างกายมีความอ่อนแอในการต้านเชื้อโรค จากข้อมูลข้างต้นจะพบว่าการที่ร่างกายมีความแข็งแรงต่อต้านสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ได้นั้น ต้องอาศัยทั้งปัจจัยภายในและภายนอกร่างกาย ถ้าปัจจัยภายในร่างกายไม่เพียงพอ จำเป็นต้องใช้ปัจจัยภายนอกในการช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายแข็งแรง โดยใช้พืชผักต่าง ๆ ที่มีคุณประโยชน์ที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ให้ต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้ได้ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ มีพืชผักผลไม้ที่มีคุณค่าและมีประโยชน์จำนวนมาก เห็นได้จากในแต่ละภูมิภาคมีพืชผักเฉพาะถิ่น ซึ่งใช้ในการประกอบอาหารมาอย่างยาวนาน เช่น แกงเหลืองของภาคใต้ แกงผักเชียงดาใส่ปลาย่างของภาคเหนือ แกงเลียงของภาคกลาง และแกงหน่อไม้ใบย่านางของภาคอีสาน เป็นต้น ซึ่งต่อมาผักต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบอาหารนี้ ได้มีการพิสูจน์คุณค่าด้วยงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์อย่างมากมาย ทั้งในการต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และอนุมูลอิสระ จากข้อมูลของผักพื้นบ้านข้างต้น จึงมีงานวิจัยของผักพื้นบ้านในภาคต่าง ๆ อีกจำนวนมาก ที่สามารถอธิบายได้ว่า สามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในการป้องกันโรค และยังมีหลักฐานการใช้ในตำรายาพื้นบ้านด้วย โดยบทความผักพื้นบ้านสี่ชนิด ในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และต้านจุลชีพนี้ จะกล่าวถึงผักพื้นบ้านที่ใช้เป็นอาหาร ได้แก่ พลูคาว ผักกระโฉม ผักแขยง และ บวบหอม ซึ่งมีรายงานวิจัยแสดงฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ต่อต้านอนุมูลอิสระ และต้านเชื้อจุลชีพ ซึ่งข้อมูลผักพื้นบ้านที่คัดเลือกมานี้ จะช่วยส่งเสริมให้คนไทยกลับมาใส่ใจ รู้คุณค่า และตระหนักถึงความสำคัญของผักพื้นบ้านไทยที่มีประโยชน์ไม่แพ้ผักต่างชาติให้มากขึ้น และด้วยสถานการณ์ของโรคไวรัสโคโรนาชนิดที่ 2 หรือ Coronavirus Disease-2019 (COVID-19) จะพบว่ามีกล่าวถึงสมุนไพรบางอย่างที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิสูจน์ฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสชนิดนี้อยู่ แต่กลับมีนำข้อมูลพื้นฐานไปโฆษณากล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริงส่งผลให้ราคาสมุนไพรนั้นสูงเกินกว่าผู้บริโภคจะเอื้อมถึง ดังนั้นผู้เขียนบทความนี้จึงอยากให้ประชาชนได้รู้คุณประโยชน์ผักสมุนไพรพื้นบ้านอื่น ๆ ที่หาได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องซื้อหาด้วยราคาแพง เพียงรับประทานเป็นอาหารก็มีคุณค่าเป็น ยา แล้ว
คำสำคัญ
ผักพื้นบ้านสี่ชนิด เสริมภูมิคุ้มกัน และต้านจุลชีพ