ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องฯ จะส่ง sms และ email แจ้งเตือนสมาชิกผู้ที่มีหน่วยกิตไม่ครบเกณฑ์ ครั้งต่อไปในวันที่ 11 กรกฎาคม 2568

บทความวิชาการ
ภาวะความดันโลหิตต่ำเมื่อมีการเปลี่ยนท่า (orthostatic hypotension) ในผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน
ชื่อบทความ ภาวะความดันโลหิตต่ำเมื่อมีการเปลี่ยนท่า (orthostatic hypotension) ในผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน
ผู้เขียนบทความ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.สิริพรรณ พัฒนาฤดี และอาจารย์ เภสัชกรหญิง สิรนันท์ กลั่นบุศย์
สถาบันหลัก คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รหัสกิจกรรม 1001-1-000-002-01-2562
ผู้ผลิตบทความ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
การเผยแพร่บทความ ผู้ประกอบวิชาชีพทุกคน 
วันที่ได้รับการรับรอง 14 ม.ค. 2562
วันที่หมดอายุ 13 ม.ค. 2563
หน่วยกิตการศึกษาต่อเนื่อง 2.5 หน่วยกิต
บทคัดย่อ
ภาวะความดันโลหิตต่ำเมื่อมีการเปลี่ยนท่า (orthostatic hypotension; OH) ที่พบในผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน (Parkinson’s disease) เกี่ยวข้องกับการเสื่อมของระบบประสาทอัตโนมัติ ซึ่งจัดเป็นชนิด neurogenic orthostatic hypotension โดยเกิดจากการหลั่ง norepinephrine จากเซลล์ประสาทซิมพาเทติก (sympathetic neurons) ไม่เพียงพอขณะอยู่ในท่ายืน ทำให้เกิดความดันโลหิตต่ำขณะอยู่ในท่ายืน และภาวะ OH ที่พบในผู้ป่วยโรคพาร์กินสันอาจเกี่ยวข้องกับการที่ผู้ป่วยมีปัจจัยส่งเสริมทำให้เกิดความดันโลหิตต่ำ เช่น การสูญเสียน้ำในหลอดเลือด และการได้รับยาบางชนิดที่มีผลลดความดันโลหิต สำหรับข้อมูลในผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน พบว่ายารักษาโรคพาร์กินสัน ได้แก่ levodopa, ยากลุ่ม dopamine agonists และ selegiline ทำให้เกิดภาวะ OH ได้ โดยความรุนแรงและระยะเวลาการเกิดหลังได้รับยาแตกต่างกัน ส่วนยาอื่นนอกเหนือจากยารักษาโรคพาร์กินสันที่พบข้อมูลว่าทำให้เกิด OH คือ ยากลุ่ม diuretics ในการจัดการภาวะ OH ที่พบในผู้ป่วยโรคพาร์กันสันทำโดยการกำจัดปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดภาวะ OH และการรักษาภาวะ OH ด้วยการใช้ยา โดยยาที่นำมาใช้ในการรักษาภาวะ OH เป็นยาที่มีผลเพิ่มปริมาณน้ำในหลอดเลือดและมีผลเพิ่มการหดตัวของหลอดเลือดส่วนปลาย ได้แก่ fludrocortisone, midodrine และยาอื่นๆ เช่น erythropoietin ส่วนยาใหม่ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 2014 สำหรับข้อบ่งใช้รักษา neurogenic OH คือ droxidopa ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ของ catechol-amino acid และถูกเปลี่ยนในร่างกายให้เป็น norepinephrine โดยผลของ droxidopa จากการศึกษาทางคลินิกใน phase ที่ 3 พบว่าเป็นยาที่ให้ประสิทธิภาพในการรักษาระยะสั้น แต่ยังไม่พบประสิทธิผลในการรักษาระยะยาว
คำสำคัญ
ภาวะความดันโลหิตต่ำเมื่อมีการเปลี่ยนท่า, โรคพาร์กินสัน, การจัดการโดยไม่ใช้ยา, การจัดการโดยใช้ยา