0 2591 9992 กด 4
ccpe@pharmacycouncil.org
หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข้อบังคับและประกาศ
การประชุมวิชาการ
บทความวิชาการ
ขั้นตอนและคำขอ
ตรวจสอบหน่วยกิต
ติดต่อเรา
บทความวิชาการ
บทบาทของวิตามินอีในโรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคไขมันพอกตับ
ชื่อบทความ
บทบาทของวิตามินอีในโรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคไขมันพอกตับ
ผู้เขียนบทความ
ชญานี อิสรไกรศีล, ภ.บ., ภ.ม. (เภสัชกรรมชุมชน), ทิพยวรรณ ตุ้มประชา, ภ.บ.
สถาบันหลัก
สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย)
รหัสกิจกรรม
2003-1-000-005-08-2564
ผู้ผลิตบทความ
สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย)
การเผยแพร่บทความ
เฉพาะสมาชิกผู้ผลิตบทความ
วันที่ได้รับการรับรอง
01 ส.ค. 2564
วันที่หมดอายุ
31 ก.ค. 2565
หน่วยกิตการศึกษาต่อเนื่อง
2.5 หน่วยกิต
บทคัดย่อ
วิตามินอีมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่เกิดจากกระบวนการเมแทบอลิซึมต่างๆ ด้วยการป้องกันการเกิดออกซิเดชัน ของไขมัน (lipid peroxidation) เพื่อป้องกันไม่ให้สารอนุมูลอิสระไปทำลายเซลล์และเนื้อเยื่อภายในร่างกาย รูปแบบของ วิตามินอีที่ออกฤทธิ์ได้ดีและมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงสุดคือ α-tocopherol การใช้วิตามินอีในโรคหัวใจและหลอดเลือด (cardiovascular disease) ที่มีพยาธิสภาพจากการเกิดออกซิเดชันของไลโพโปรตีนชนิดความหนาแน่นต่ำ (low-density lipoprotein; LDL) จากการศึกษาในปัจจุบันพบว่ายังไม่มีหลักฐานสนับสนุนเพียงพอให้ใช้วิตามินอีเพื่อป้องกันโรคหัวใจและ หลอดเลือด ส่วนในโรคไขมันพอกตับ (fatty liver disease) ที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ (nonalcoholic fatty liver disease; NAFLD) ซึ่งมีภาวะเครียดออกซิเดชัน (oxidative stress) ทำให้เกิดการดำเนินของโรค จากการศึกษาในปัจจุบันพบว่าวิตามิน อีไม่มีผลต่อความแตกต่างของระดับเอนไซม์ในตับ (alanine aminotransferase; ALT และ aspartate aminotransferase; AST) และพยาธิสภาพของตับในเด็กอย่างมีนัยสำคัญ แต่ในผู้ใหญ่พบว่าวิตามินอีสามารถลดระดับเอนไซม์ในตับและทำให้ พยาธิสภาพของตับดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม คำแนะนำในการใช้วิตามินอีในผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวยังไม่สอดคล้องกัน ดังนั้นการพิจารณาใช้วิตามินอีในผู้ป่วยโรคไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ จึงควรพิจารณาถึงประโยชน์และความ เสี่ยงต่อผู้ป่วยร่วมด้วย
คำสำคัญ
คำสำคัญ: วิตามินอี, α-tocopherol, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคไขมันพอกตับ