โครงการประชุมวิชาการ เรื่อง Alternative solutions to increase access to high-cost care: Where are we?
  
    
      
        | ชื่อการประชุม |  | โครงการประชุมวิชาการ เรื่อง Alternative solutions to increase access to high-cost care: Where are we? | 
      
        | สถาบันหลัก |  | คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | 
      
        | รหัสกิจกรรม |  | 1001-2-000-045-11-2566 | 
      
        | สถานที่จัดการประชุม |  | โรงแรมคราวน์พลาซ่า กรุงเทพมหานคร | 
      
        | วันที่จัดการประชุม |  | 15		        ธ.ค. 2566 | 
      
      
      
        | ผู้จัดการประชุม |  | คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | 
      
      
        | กลุ่มเป้าหมาย |  | เภสัชกรบริษัทยา เภสัชกรร้านยา และเภสัชกรโรงพยาบาล และผู้สนใจทั่วไ | 
      
        | หน่วยกิตการศึกษาต่อเนื่อง |  | 5  หน่วยกิต | 
    
   
  
    หลักการและเหตุผล
    หลักการและเหตุผล
สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้าเป็นสิทธิการรักษาที่ถูกจัดตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2545 โดยครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ในประเทศไทย ทำให้ประชากรชาวไทยได้เข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงพยายามเพิ่มการเข้าถึงการรักษาของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง จึงมีการประยุกต์ใช้การประเมินเทคโนโลยีทางสุขภาพ (Health Technology Assessment (HTA)) โดยได้ก่อตั้งโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (Health Intervention and Technology Assessment Program (HITAP)) ในปีพ.ศ. 2550 เพื่อประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์และวิเคราะห์ผลกระทบงบประมาณหากนำยาเข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติและให้มีการเบิกจ่ายยาในประเทศไทย เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับช่วยในการตัดสินใจเชิงนโยบายร่วมกับข้อมูลประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยา
ในปัจจุบัน การรักษารวมถึงยาส่วนใหญ่มีราคาสูงขึ้นร่วมกับงบประมาณของประเทศที่มีจำกัด ทำให้การรักษาหรือยาบางส่วนที่มีราคาแพงไม่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์และมีผลกระทบทางงบประมาณที่สูง ส่งผลให้การรักษานั้นไม่ถูกบรรจุเข้าไปในบัญชียาหลักแห่งชาติและไม่สามารถเบิกจ่ายได้ ทำให้ความจำเป็นทางสุขภาพที่ไม่ได้รับการตอบสนอง (Unmet health need) เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากค่าความเต็มใจที่จะจ่าย (Willingness-to-pay (WTP) threshold) ของประเทศไทยอยู่ที่ 160,000 บาทต่อปีสุขภาวะ (Quality-adjusted life year (QALY)) จึงต้องมีการต่อรองราคายา เช่น ลดราคายา เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้มากขึ้น โดยการลดราคายาอาจสูงถึงร้อยละ 90 เพื่อให้ยาหรือการรักษามีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ ส่งผลให้มียาราคาแพงเพียง 9 ชนิดเท่านั้นที่ได้ถูกบรรจุเข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติในปีพ.ศ. 2559 เมื่อกระบวนการปกติในการพิจารณายาเข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติอาจทำให้เกิดความล่าช้าและอาจทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาราคาแพงล่าช้า จึงจำเป็นต้องพัฒนาแนวทางเพื่อเพิ่มการเข้าถึงยาและการรักษาราคาแพงในประเทศ โดยต้องพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว
ในการนี้ ภาควิชาเภสัชศาสตร์สังคมและบริหาร คณะเภสัชศาสตร์ และวิทยาลัยการบริหารเภสัชกิจแห่งประเทศไทย เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาบุคลากรเพื่อเพิ่มความเข้าใจในเรื่องการเข้าถึงการรักษาราคาแพงในประเทศไทยร่วมกับพิจารณาแนวทางการแก้ปัญหาสำหรับประเทศไทยในการเพิ่มการเข้าถึงการรักษาราคาแพงให้แก่ผู้ป่วย จึงได้นำเสนอการจัดอบรมวิชาการ ในรูปแบบบรรยาย ทั้งนี้เนื้อหาจะครอบคลุมความรู้พื้นฐาน และความรู้ แนวลึก โดยมีคณาจารย์ และผู้เชี่ยวชาญ เข้าร่วมเป็นวิทยากรการบรรยาย และการอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น 
   
  
    วัตถุประสงค์
    วัตถุประสงค์
อธิบายหลักการพื้นฐานของการเพิ่มการเข้าถึงการรักษาราคาแพงในประเทศไทย 
ความสำคัญและกระบวนการเพิ่มการเข้าถึงการรักษาราคาแพงในไทยและต่างประเทศ
อภิปรายสถานการณ์ปัจจุบัน ช่องว่าง และการแก้ปัญหาเรื่องการรักษาราคาแพงในประเทศไทย
อภิปรายทิศทางในอนาคตของการเพิ่มการเข้าถึงการรักษาราคาแพงในประเทศไทย
   
  
  
      
    วิธีสมัครการประชุม
    ผู้สนใจเข้าร่วมประชุมสามารถเลือกลงทะเบียนตามช่วงเวลาและเนื้อหาที่สนใจ ได้ที่เว็บไซต์ของหน่วยการศึกษาต่อเนื่อง ฝ่ายวิชาการ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (www.ce.pharm.chula.ac.th) โทรศัพท์ 0-2218-8283 หรือ E-mail: ce@pharm.chula.ac.th 
อัตราค่าลงทะเบียนท่านละ   5,000 บาท