ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องฯ จะส่งข้อมูลแจ้งเตือนสมาชิก ผ่านช่องทาง sms และ email ในวันที่ 5 ธ.ค. 2567 และ 19 ธ.ค. 2567

บทความวิชาการ
Favipiravir
ชื่อบทความ Favipiravir
ผู้เขียนบทความ ภญ.ยุคล จันทเลิศ
สถาบันหลัก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
รหัสกิจกรรม 1002-1-000-012-07-2564
ผู้ผลิตบทความ กลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลพระปกเกล้า
การเผยแพร่บทความ ผู้ประกอบวิชาชีพทุกคน 
วันที่ได้รับการรับรอง 23 ก.ค. 2564
วันที่หมดอายุ 22 ก.ค. 2565
หน่วยกิตการศึกษาต่อเนื่อง 1.5 หน่วยกิต
บทคัดย่อ
Favipiravir เป็นยาที่พิจารณาใช้ในกรณีที่เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza virus)สายพันธุ์ใหม่ ยาจะมีฤทธิ์ต้านไวรัสได้ต้องถูกเปลี่ยนแปลงในร่างกายโดยเอนไซม์ภายในเซลล์ได้เป็น favipiravirribosyl triphosphate ที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์ RNA-dependent RNA polymerase ซึ่งเอนไซม์ดังกล่าวมีความสำคัญในกระบวนการถ่ายแบบอาร์เอ็นเอ (RNA replication) นอกจากนี้สารออกฤทธิ์ดังกล่าวยังทำให้ยับยั้งการสร้างสารพันธุกรรมอาร์เอนเอของไวรัสและทำให้ไวรัสตาย ทำให้ลดระดับ viral load ได้ ปัจจุบันมีการใช้ยานี้ในรักษาการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 (coronavirus disease 2019; COVID-19) สำหรับขนาดยาปกติในผู้ใหญ่ตามคำแนะนำของกรมการแพทย์ในการรักษา COVID-19 คือ วันที่ 1 1,800 มก. วันละ 2 ครั้ง วันต่อมา คือ 800 มก. วันละ 2 ครั้ง โดยพิจารณาให้ยาเป็นระยะเวลา 5 วัน หรือมากกว่าขึ้นกับอาการทางคลินิกผู้ป่วย ส่วนการใช้ยาในผู้ป่วยน้ำหนักมากกว่า 90 กิโลกรัมและผู้ป่วยเด็กพิจารณาตามน้ำหนักตัว สำหรับในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ไม่ต้องปรับขนาดยา แต่ควรมีการปรับขนาดยาในผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับบกพร่องในระดับปานกลางถึงรุนแรง อาการข้างเคียงอื่นๆ ที่อาจพบได้ คือ ตับอักเสบ คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายเหลว ผิวหนังเป็นผื่นแพ้ ระดับกรดยูริคสูงขึ้น และอาจยังพบค่า creatine phosphokinase (CPK) ในเลือดสูงขึ้นโดยไม่พบความผิดปกติของกล้ามเนื้อ เป็นต้น ยามีโอกาสเกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์ ควรระวังการใช้ในหญิงมีครรภ์ ยาอาจทำให้เพิ่มระดับกรดยูริค ควรระวังการใช้ร่วมกับยา pyrazinamide และอาจลดระดับน้ำตาลในเลือดได้หากใช้ร่วมกับยา repaglinide หรือ pioglitazone เป็นต้น จากผลการศึกษาทางคลินิกของยา favipiravir เบื้องต้นพบว่ามีประสิทธิภาพดีต่อการรักษา COVID-19 ช่วยลดปริมาณไวรัสได้ดี ดังนั้นควรให้ยาเร็วก่อนที่ผู้ป่วยจะมีอาการหนัก และพิจารณาให้ผู้ป่วยที่มีอาการมาก โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีโรคร่วม ควรเริ่มให้ยาเร็วที่สุด แต่อย่างไรก็ดีควรระมัดระวังผลข้างเคียงของยาด้วย
คำสำคัญ
Favipiravir, COVID-19, influenza