บทคัดย่อ
โรคพาร์กินสัน เป็นโรคที่เกิดจากการตายของเซลล์ประสาท dopamine ที่ substantia nigra ทำให้ผู้ป่วยมีความผิดปกติด้านการเคลื่อนไหว ได้แก่ สั่นขณะพัก เคลื่อนไหวช้า เกร็ง และเสียการทรงตัว levodopa เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ dopamine ใช้เป็นยาหลักในการรักษาโรคพาร์กินสัน levodopa จะถูกดูดซึมทางลำไส้เล็กและถูกเปลี่ยนแปลงภายนอกสมองด้วยเอนไซม์ aromatic amino acid decarboxylase (AADC) ได้ dopamine ทำให้มีผลข้างเคียงได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน และความดันโลหิตต่ำขณะเปลี่ยนอิริยาบถนอกจากนี้ทำให้ levodopa ผ่านเข้าสมองน้อยลง ดังนั้นจึงต้องรับประทาน levodopa ร่วมกับยากลุ่ม AADC inhibitor เช่น carbidopa และ benserazide นอกจากนี้ levoopa ถูกเปลี่ยนแปลงภายนอกสมองด้วยเอนไซม์ catechol-O-methyltransferase (COMT) การให้ levodopa ร่วมกับ COMT inhibitor เช่น entacapone จึงเพิ่มปริมาณ levodopa ที่เข้าสู่สมองเช่นกัน
การใช้ levodopa ไปเป็นระยะเวลานานพบว่าผู้ป่วยเกิดการตอบสนองต่อ levodopa ไม่สม่ำเสมอ ทั้งนี้เนื่องจาก levodopa มีค่าครึ่งชีวิตที่สั้น (1-3 ชั่วโมง) นอกจากนี้การที่เซลล์ประสาทตายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่สามารถเก็บ dopamine ที่ถูกเปลี่ยนแปลงมาจาก levodopa ไว้ใน vesicle ที่ปลาย axon ได้เพียงพอ การตอบสนองต่อยาจึงขึ้นกับระดับของ levodopa ในเลือดเท่านั้น ลักษณะของภาวะตอบสนองต่อ levodopa ไม่สม่ำเสมอได้แก่ end-of-dose wearing off และ peak-dose dyskinesia
End-of-dose wearing off คือภาวะที่ผู้ป่วยจะมีอาการเกร็งและเคลื่อนไหวไม่ได้ก่อนได้รับยามื้อถัดไป ทั้งนี้เนื่องจากระดับ levodopa และ dopamine ลดลง แนวทางการแก้ไขภาวะ wearing off ได้แก่ เพิ่มความถี่ในการรับประทาน levodopa, การให้ COMT inhibitor และ/หรือ MAOB inhibitor และ/หรือ dopamine agonist ร่วมด้วย
Peak-dose dyskinesia คืออาการกระตุกของกล้ามเนื้อที่คอ หลัง แขนขา โดยอยู่นอกเหนือการควบคุมของจิตใจ ภาวะ dyskinesia จากการที่มีระดับ levodopa และ dopamine ในสมองสูงเกินไป แนวทางการแก้ไขภาวะ dyskinesia ได้แก่ ลดขนาดยา levodopa, ให้ยา amantadine ร่วมด้วย, การผ่าตัด
วิธีการอื่นๆ ในการรักษาภาวะการตอบสนองต่อ levodopa ไม่สม่ำเสมอได้แก่ การให้ levodopa ในรูปแบบ Levodopa/carbidopa intraduodenal/jejunal infusion
คำสำคัญ
โรคพาร์กินสัน, levodopa, dyskinesia, wearing off