บทคัดย่อ
ข้อมูลจากการศึกษา the National Health and Nutrition Examination Survey (NHANES) พบว่าในประเทศสหรัฐอเมริกามีประชากรประมาณ 50 ล้านคนที่มีภาวะความดันโลหิตสูงและจำเป็นต้องได้รับการรักษา1,2 รวมทั้งมีการคาดการณ์ว่าความชุกของผู้ป่วยที่มีภาวะความดันโลหิตสูงอาจจะสูงถึง 1 พันล้านคน โดยที่มีผู้เสียชีวิตจากภาวะความดันโลหิตสูงประมาณ 7.1 ล้านรายต่อปี3 องค์การอนามัยโลกได้รายงานว่าระดับความดันโลหิตที่สูงกว่า 115 mmHg จะมีผลเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้ประมาณร้อยละ 62 และโรคหัวใจขาดเลือดประมาณร้อยละ 493 นอกจากนี้ข้อมูลการศึกษาทางระบาดวิทยาพบว่าความเสี่ยงในการเกิด stroke, myocardial infarction (MI), angina, heart failure (HF), kidney failure และการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด จะมีความสัมพันธ์โดยตรงกับระดับความดันโลหิต ซึ่งความเสี่ยงจะเริ่มตั้งแต่ระดับความดันโลหิตที่สูงมากกว่า 115/75 mmHg4 ระดับความดันโลหิตที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 20/10 mmHg จากระดับความดันโลหิตดังกล่าวจะเพิ่มความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดประมาณ 2 เท่า5,6 ดังนั้นภาวะความดันโลหิตสูงจึงเป็นโรคที่สำคัญและมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชากรทั่วโลก