บทคัดย่อ
แม้ว่าการรักษาด้วยยาในปัจจุบันมีประสิทธิภาพในการลดระดับ low-density lipoprotein (LDL) ได้ดี แต่ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดจากหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis Cardiovascular Diseases; ASCVD) ยังคงเหลืออยู่ มีหลักฐานแสดงว่าการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจมีความสัมพันธ์กับระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ แนวทางเวชปฏิบัติแนะนำการประเมินความเสี่ยงต่อการเกิด ASCVD และปัจจัยที่เพิ่มระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ โดยแนะนำให้ปรับพฤติกรรมสุขภาพและควบคุมระดับไขมัน LDL ตามเป้าหมาย ผู้ป่วยที่มีระดับไตรกลีเซอร์ไรด์สูงปานกลาง (135-499 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร) แนะนำให้เพิ่มขนาดยา statins ก่อนพิจารณาเพิ่มกรดไขมันโอเมกา-3 โดยยา icosapent ethyl ขนาดสูงวันละ 4 กรัม จากผลการศึกษา REDUCE-IT พบว่าลดความเสี่ยงต่อการเกิด ASCVD ร้อยละ 25 ในผู้ป่วยที่มีระวัติ ASCVD หรือมีโรคเบาหวานร่วมกับมีอย่างน้อย 1 ปัจจัยเสี่ยง แต่การใช้ยา omega-3 carboxylic acid จากการศึกษา STRENGTH ไม่พบความแตกต่างของการเกิด ASCVD และควรระวังการใช้กรดไขมันโอเมกา-3 ในผู้ป่วยโรค atrial fibrillation กรณีไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดสูงกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร อาจพิจารณาการใช้ยากลุ่ม fibrates ร่วมกับยากลุ่ม statins จากผลการวิเคราะห์อภิมานพบว่าความเสี่ยงของการเกิด ASCVD ลดลงร้อยละ 28 และควรติดตามการเกิดภาวะกล้ามเนื้อสลายในระหว่างที่ได้รับยาร่วมกัน